Ginger hot Spa

กล้าบอกว่าสูตรนี้ดีที่สุดค่ะ Fat Burner ครีมสปาขิงสลายไขมัน และลดสัดส่วน พุงย้วย ขาใหญ่ สะโพกห้อย แก้ไขได้ ใช้เห็นผลกันเฟิร์มคร้าา เนื้อครีมเบาซึมแห้ง ไม่ทิ้งออยล์ที่จะทำให้เลอะเสื้อสวยแม้แต่น้อย
Fat Burner Ginger Spa Cream
Hot cream for slimming shape

ครีมสปาขิงลดสัดส่วนชนิดไม่ต้องนวด

ตอบ ปัญหาไขมันส่วนเกิน ด้วยครีมลดสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกินอย่างได้ผล ด้วยความร้อนของสมุนไพร "ขิง" ในปริมาณเข้มข้น จึงทำให้สัดส่วนที่ไม่ต้องการลดลงอย่างเห็นผลเป็นที่น่าพอใจ โดยไม่ต้องนวด เพียงทาวันละ 2-3 ครั้งเท่านั้น

ใช้ทาแทนครีมบำรุง เฉพาะส่วนที่ต้องการเป็นประจำ วันละ 2-3 ครั้ง โดยเริ่มทีละปั๊ม ลูบจนกว่าครีมจะซึมลงสู่ผิวหมด จากนั้นจะรู้สึกร้อน หากไม่ร้อนให้เพิ่มปริมาณจนกว่าจะร้อน ครีมร้อนจะให้เห็นผลเร็วกว่าครีมที่ไม่ร้อน สามารถใช้ร่วมกับการอบเซาว์น่า
หรือพันฟิล์มแรปหุ้มบริเวณที่ต้องการลดสัดส่วนได้

ส่วนผสมสำคัญ
ขิงสกัด, วิตามินอี, และสมุนไพรอื่นๆ


--------------------------------------------------------

พิมณัฏฐา
ครีมสปาขิงลดสัดส่วนชนิดไม่ต้องนวด

Fat Burner Ginger Spa Cream (Hot cream for slimming shape)


ครีม เนื้อบางเบา มีส่วนผสมของเอสเซนเชียลออยล์ขิง และพริกไทยดำ (Blackpepper Essencial Oil, Ginger Oil, Eyucalypsdtus Essencial, Peppermint Essencial Oil, Methyl Euginol Extract) ซึ่งมีอณูเล็ก ซึมสู่ผิวได้ง่ายจึงไม่ต้องนวด ให้ความอบอุ่น ให้ความร้อน เมื่อนำมาใช้ในอัตราส่วนที่เข้มข้นจึงละลายไขมันใต้ผิวหนังได้ ต่างจากครีมละลายไขมันทั่วไป ซึ่งทำจากน้ำมันระกำ น้ำมันมวย กลิ่นแรงเหมือนยาหม่อง หรือเคาน์เตอร์เพน ร้อนแต่ไม่ซึมสู่ผิวเพราะอณูใหญ่ ครีมจะเกาะอยู่บนผิวหนัง ไม่ซึมเข้าสู่ผิว ประสิทธิภาพการทำงานจึงน้อยกว่าการใช้เอสเซนเชียลออยล์แท้มาก วิธีการทาครีม ควรทาทีละบางๆ เพียง 1 ปั๊มก่อน (ไม่ต้องนวด) รอ 20 นาที ถ้าไม่ร้อน หรือต้องการให้ร้อนมากขึ้นอีกจึงกดปั๊มทาเพิ่ม หากร้อนมาก ควรลดปริมาณการใช้ในครั้งต่อไป ถ้าทามากไปทำให้ร้อนมาก อาจทนไม่ได้ ล้างไม่ออก เพราะเป็น Essencial Oil ที่ซึมซาบสู่ผิวแล้วไม่สามารถล้างออกได้ ต้องทนจนกว่าจะหายร้อน การทาครีมแล้วร้อนมากทำให้ลดได้เร็วขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับความสบายตัวของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย ใช้ทาได้ทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง จะเห็นผลเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์


ส่วนที่ลดได้ภายใน 1 สัปดาห์คือ หลัง ก้น สะโพกต้นขา เพราะผิวหนังบริเวณนั้นจะบาง การซึมของครีมจะทำได้มากกว่า ส่วนหน้าท้องและต้นแขน


สำหรับ กลุ่มผู้ใช้ที่ทาแล้วไม่ร้อน อาจเกิดจากเป็นผู้ที่มีไขมันสั่งสมมานานและมีน้ำในเซลล์มาก เมื่อร้อนแล้วจะขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติอีกเล็กน้อย อาจมีอาการคันเล็กน้อย สำหรับผู้ที่มีอาการบวมน้ำ อย่าเกา สักพักอาการคันจะหายไป อาการร้อนอาจเกิดแบบไม่ทันใจ ทาตอนเช้า ร้อนตอนกลางคืนก็มี ไขมันเก่าสะสมที่มีจะค่อยๆ ละลายไปตามระยะเวลา แล้วจะรู้สึกร้อนมากขึ้น ถึงทาแล้วไม่ร้อนก็ลด เพราะสารสกัด Essencial Oil ต่างๆ ยังคงทำงานตามปกติ


ครีมสปาขิง จะช่วยลดเซลลูไลท์ใต้ผิวหนังก่อนแล้วช่วยกระชับใน 1-2 สัปดาห์จะสามารถละลายเซลลูไลท์ให้แบนเรียบลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเซลลูไลท์หายไปจะละลายไขมันในชั้นต่อไป ทฤษฎีเดียวกับการอบเซาว์น่า การใช้ครีมสปาขิงเหมือนได้อบเซาว์น่าทั้งวัน ไขมันที่ละลายทีละน้อยจะถูกร่างกายนำมาเผาผลาญให้หมดไป และช่วยกระชับสัดส่วนไม่ทำให้เกิดรอยแตกลายเพิ่มขึ้นหลังการใช้เพราะไม่ได้ นวดหรือตบเลย

-----------------------------------------------
ขนาด 150 มล.
ราคา 430 บาท

สนใจผลิตภัณฑ์
http://champaa.com

Because I Love You

สุขภาพดีด้วยแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ล ผลไม้เพื่อสุขภาพ  (Slim Up)

         การ จำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอม แต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีดเซียว ไม่สดชื่น อวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก

          การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด

          เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า "อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า "แอปเปิ้ล" แน่ ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อสัมผัสกรอบ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก"

กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง

          แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

          พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน

          เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่ มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

          นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดย เฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน

          เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง

ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?

          จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน

กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์          ใน แง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ

          ใน ปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนัก แล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ขอขอบคุณเวปไซต์ จำปาหน้าใสสมุนไพรธรรมชาติ
 http://champaa.com
จำหน่าย โทนเนอร์สารสกัดจากแอปเปิ้ล ขนาด 40 มล.ราคา 150 บาทเท่านั้น